เรากำลังเข้าสู่ภาวะความเสี่ยงที่สูงมาก อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของธุรกิจ การแข่งขัน และ เทคโนโลยี
ดังตัวอย่างในอดีต “เมื่อยักษ์ใหญ่ล้มดัง”
ในปี 2013 มีดีลการซื้อกิจการบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก บริษัท Microsoft เข้าชื้อกิจการ บริษัท Nokia ด้วยมูลค่า $7.17 billion
การซื้อครั้งนี้ถ้าดูเผินๆ คงไม่แปลกอะไร แต่ทำไมบริษัทยักษ์ใหญ่ในอดีตอย่าง Nokia ซึ่งเป็นบริษัทจากประเทศฟินแลนด์ ถึงพลาดท่า เสียที โดนซื้อกิจการได้
ย้อนไปในอดีต ราวช่วง ปี 2006 – 2008 ถือว่าเป็นช่วงที่พีคมาของ บริษัท Nokia สร้างรายได้ ไปถล่มทะลาย ถึง 51 Billion Euro ในปี 2007
คนยุค Gen X และ Y น่าจะทันมือถือ Nokia สมัยนั้นใครไม่มี เรียกว่าเชยมาก ราคาก็ไม่ถูกเลย เรียกว่ามีตั้งแต่พันปลายๆ ถึง 2-3 หมื่น ก็มี
แต่หลังจากปี 2008 นั้นไม่นาน บริษัท Nokia ก็ประสบปัญหาใหญ่ ยอดขายค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง จาก 51 Billion Euro ในปี 2007 เหลือราวๆ 30 Billion Euro ในปี 2012 ยอดขาย หรือ รายได้ของบริษัท ลงลงไปกว่า 40% ภายใน 5 ปี
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น อะไรคือ สาเหตุ?
ในปี 2013 Mr. Stephen Elop CEO ของ Nokia ในเวลานั้น กล่าวด้วยน้ำตานองหน้า กับสื่อมวลชนและพนักงานว่าบริษัทถูกซื้อกิจการ
เขาบอกว่า “เราไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ครั้งนี้เราแพ้”
ฟังแบบนี้แล้วมันดูเศร้าใจ แต่ที่บอกว่าไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วไหงบริษัทถึงมีผลประกอบการตกต่ำแบบนี้ แถมโดนซื้อกิจการด้วยราคาถูกแบบนี้อีก มันเป็นไปได้อย่างไร?
สาเหตุสำคัญ คือ Nokia สูญเสียรายได้อย่างมากในช่วงเวลาดังกล่าว ให้กับตลาด Smartphone และที่หนักไปกว่านั้นก็คือ การเข้ามาของผู้เล่นหน้าใหม่ นั่นก็คือ iPhone (ก็สู้เขาไม่ได้เอง เพราะคิดไปเองว่าตัวเองเจ๋ง)
ด้วยความที่เคยเป็นอดีตผู้นำในตลาด เคยเป็นเจ้าตลาดเบอร์ต้นๆ ของโลก แน่นอนย่อมเกิดความชะล่าใจ ย่อมคิดว่าผลิตภัณฑ์ของตนเองดีที่สุด บริษัทขอตนเองยอดเยี่ยมที่สุด (หลงผิด คิดว่าตนเองเป็นเจ้าตลาด เลยชะล่าใจ)
ความคิดแบบนี้ แน่นอนต้องเกิดมาจากผู้นำขององค์กร ด้วยความคิดแบบนี้ ทำให้มองข้ามความสามารถของคู่แข่ง มองข้ามการเรียนรู้ และ พัฒนาผลิตภัณฑ์ มองข้ามการแข่งขันที่นับวันจะมีมากขึ้นและสูงขี้น
พูดง่ายๆ ก็คือ มั่นใจมาก เลยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่ยอมเรียนรู้ ไม่ยอมปรับตัวตามสภาพแวดล้อมและการแข่งขัน
ส่งผลทำให้บริษัท Nokia ต้องประสบปัญหา และ ท้ายที่สุดก็ต้องถูกซื้อกิจการ
เล่าเรื่องบริษัท Nokia มาก็พอสมควร ในกรณีนี้ ความเสียหายของบริษัท มันเกิดจากคน มันเกิดจากผู้นำล้วนๆ เพราะการตัดสินใจ มีผลต่อทิศทางของบริษัท
ตัวบริษัทเอง ทำตัวเองเสียหายไม่ได้หรอกครับ กรณีนี้ คน ครับ ที่พาบริษัทลงเหว
จากบทเรียนนี้มันสอน หรือ มันให้อะไรกับเรา
ถ้าคิดว่า บริษัท Nokia คือ คน (คนอย่างเราๆ ที่ทำงานกันอยู่ทุกวันนี่แหละ)
ความรู้ หรือ ความสามารถที่คุณมี ความได้เปรียบในการแข่งขันในอดีต มันไม่ได้อยู่คงทนถาวร มันสามารถถูกทดแทนได้ด้วยสิ่งที่เหนือกว่าได้เสมอ
อย่าลืม คนแบบคุณไม่ได้มีคนเดียวในโลก คุณมีคู่แข่ง คุณมีทั้งคนที่ต่ำกว่า และ คนที่เหนือกว่าคุณ
ถ้าคุณยึดมั่นถือมั่นกับเรื่องราวและความสำเร็จในอดีตมากจนเกินไป คุณก็จะต้องถูกกำจัดออกจากการแข่งขันในไม่ช้า
เพราะมันย่อมมีคนใหม่ๆ คนเก่งๆ เข้ามาในตลาดงานที่คุณอยู่ เข้ามาแย่งงานที่คุณทำ และ เข้ามาทดแทนที่คุณอยู่เสมอ
ความรู้ที่คุณเคยมี หรือ ที่มีอยู่ มันมีวันหมดอายุได้เสมอ
เพื่อความอยู่รอด หรือ เพื่อคงความได้เปรียบในการแข่งขัน คุณต้องหมั่นพัฒนาตนเอง ใส่ความรู้ใหม่ๆ ให้กับตนเองอย่างต่อเนื่อง จะได้ไม่ตกเทรน
ส่วนคนที่ปฏิเสธที่จะเรียนรู้ หรือ ปฏิเสธที่จะพัฒนาตนเอง ในไม่ช้า เขาก็จะถูกทดแทนด้วยคนที่เก่งกว่า คนที่อายุน้อยกว่า และ คนที่บริษัทสามารถจ้างได้ด้วยต้นทุนที่ถูกกว่า
ดังนั้น อย่าประมาท ด้วยประการทั้งปวงนะครับ
หน้าที่เข้าชม | 105,315 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 71,629 ครั้ง |
เปิดร้าน | 26 ก.ย. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |